ความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำของสังคมคนไทยยุค Society 5.0

ความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำของสังคมคนไทยยุค Society 5.0

เขียนโดย: ศ. ชนแดน รัฐศาสตร์กับสังคมไทย พฤษภาคม 26, 2025


ความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นปัญหาที่มีอยู่ในทุกสังคม และมีแนวโน้มว่าจะยังคงมีอยู่ต่อไปในอนาคตหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จริงจัง หากพิจารณาจากปี พ.ศ. 2550-2568 เราอาจเห็นการเน้นย้ำถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การศึกษาที่ไม่เท่าเทียม การเข้าถึงโอกาสที่ไม่เสมอภาค และการเลือกเอาแต่พวกพ้องที่ส่งผลต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาของสังคมไทย


ในกรณีที่กลุ่มคนที่มีอำนาจและทรัพยากรไม่เปิดโอกาสให้กับคนรุ่นหลังในการเรียนรู้หรือพัฒนาตนเอง สังคมอาจเผชิญปัญหาใหญ่ขึ้น เช่น การขาดความคิดสร้างสรรค์ การไม่พัฒนาอย่างยั่งยืน และความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ เนื่องจากกลุ่มคนที่ไม่ได้รับโอกาสจะรู้สึกไม่พอใจและมีแนวโน้มที่จะเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง


ความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคมเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและเป็นเรื่องที่มีมานาน ซึ่งมักเกิดขึ้นในหลาย ๆ รูปแบบ เช่น การเข้าถึงทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียมกัน การเลือกปฏิบัติทางสังคม และการจัดสรรโอกาสที่ไม่เสมอภาค ในปี พ.ศ. 2568 เราอาจสังเกตเห็นว่าความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การศึกษา และโอกาสในการทำงานยังคงมีอยู่


หากกลุ่มคนที่มีอำนาจและทรัพยากรไม่เปิดโอกาสให้กับคนรุ่นหลังในการเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะ วันข้างหน้า เราอาจพบกับปัญหาที่เรียกว่า "วัฏจักรของความไม่เท่าเทียม" ซึ่งเกิดจากการที่คนรุ่นก่อนเอาแต่ดูแลผลประโยชน์ของตนเองจนไม่ส่งมอบความรู้หรือโอกาสให้แก่คนรุ่นใหม่


🔷️ความคาดการณ์ในอนาคต ภายใน 10 ปีข้างหน้า


1. การเพิ่มขึ้นของความไม่เท่าเทียม หากเรายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เราอาจเห็นความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวในด้านต่าง ๆ เช่น การเข้าถึงการศึกษา เครื่องมือทางเทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งในโอกาสในการทำงาน ส่งผลให้คนที่ด้อยโอกาสยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายลง


2. การเกิดความขัดแย้งทางสังคม  คนที่รู้สึกว่าตนเองถูกละเลยหรือไม่เป็นที่ยอมรับอาจเกิดความไม่พอใจ ซึ่งอาจนำไปสู่การต่อสู้หรือการเคลื่อนไหวทางสังคมที่มุ่งเรียกร้องความเท่าเทียมและความยุติธรรม


3. ขาดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่ถูกส่งเสริมให้พัฒนาตนเองหรือไม่ได้รับโอกาสในการเรียนรู้และทดลองนวัตกรรม สังคมอาจขาดความคิดสร้างสรรค์ที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน


4. การเพิ่มขึ้นของความเพิกเฉยทางสังคม  เมื่อความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น สังคมอาจมีแนวโน้มที่จะเกิดความเพิกเฉย ซึ่งหมายถึงว่าคนในสังคมที่มีการศึกษาสูงหรือพลังอำนาจอาจไม่ใส่ใจต่อปัญหาของคนทั่วไปหรือละเลยความต้องการที่แท้จริงของสังคม


➤แนวทางในการแก้ปัญหา


การแก้ปัญหาความอยุติธรรมและความเหลื่อมล้ำในสังคมที่เกิดจากกลุ่มคนที่มีการศึกษาสูง แต่กลับมุ่งเน้นผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนเอง ต้องการความพยายามทั้งจากตัวบุคคลและสังคมโดยรวม นี่คือแนวทางในการแก้ปัญหา


  1. การสร้างความตระหนักรู้  ส่งเสริมให้คนในสังคมมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติและผลประโยชน์ส่วนกลุ่ม การจัดสัมมนาเกี่ยวกับปัญหานี้ หรือการทำแคมเปญเพื่อสร้างความเข้าใจในสังคม สามารถช่วยให้ผู้คนเห็นความสำคัญของการแบ่งปันและการสร้างโอกาสที่เท่าเทียม

  1. การสนับสนุนการศึกษาและการเข้าถึงข้อมูล  สร้างโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษาและข้อมูลที่จำเป็นในการพัฒนาตนเอง เมื่อมีความรู้และทักษะมากขึ้น คนจะสามารถท้าทายสถานะที่เป็นอยู่และเรียกร้องความยุติธรรมได้ดีขึ้น

  2. การส่งเสริมความร่วมมือและภาคประชาสังคม  สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรภาคประชาสังคม รัฐบาล และภาคธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่ายที่มีจุดมุ่งหมายในการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน

  3. การสร้างกลไกการตรวจสอบและความรับผิดชอบ  เสริมสร้างกลไกที่ทำให้ผู้มีอำนาจในสังคมต้องถูกตรวจสอบและรับผิดชอบต่อการกระทำของตน เช่น การมีคณะกรรมการตรวจสอบที่สามารถตรวจสอบการดำเนินงานและการใช้ทรัพยากรอย่างโปร่งใส

  4. การสร้างมาตรการผลักดันการเปลี่ยนแปลงสนับสนุนการออกกฎหมายหรือมาตรการที่ช่วยลดการเอาเปรียบหรือการเลือกปฏิบัติ เช่น การกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนกลุ่มที่ด้อยโอกาส

  5. การสร้างพื้นที่สาธารณะในการแสดงออก ส่งเสริมให้ทุกคนสามารถมีเสียงในการพูดถึงปัญหา โดยการสนับสนุนการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจที่กระทบต่อสังคม


สิ่งสำคัญคือการร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและเป็นธรรม ที่จะทำให้คนที่มีความรู้และการศึกษาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในทางที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยรวมมากขึ้น 


อีกทั้งการแก้ปัญหาเหล่านี้ยังต้องการความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อสร้างสังคมที่เป็นธรรมและยั่งยืนในอนาคต






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ด่วน! "โครงการฝึกอบรมสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นครูสอนภาษาไทย ระดับภาษา A1-A2"

โครงการ “การฝึกอบรมการเป็นครูสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ ระดับ A1-A2”

จริงไหม? ที่ว่าหากอุณหภูมิข้างนอกร้อน 40 องศา ดื่มน้ำเย็นจะทำให้ร่างการช็อค